อันดับแรกที่ผมเลือกชมภาพยนตร์เรื่องนี้ Catch Me If You Can เพราะมีความน่าสนใจหมดทุกอย่างเลยครับ ก่อนที่จะได้รู้ตัวอย่างและเรื่องย่อของหนังซะอีก ก็เพราะว่าเรื่องนี้กำกับโดย Steven spielberg ผู้กำกับซึ่งเป็นขวัญใจของใครหลายๆคนเจ้าและของผมมาอย่างยาวนานตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่ขวบ และทอม แฮงค์ นักแสดงที่มากความสามารถการันตีด้วยรางวัลออสการ์ถึง 2 ตัวรวมไปถึง ลีโอนาโด ดิคาปริโอ ซึ่งเป็นนักแสดงที่มีผลงานการแสดงมาอย่างยาวนานกับการแสดงที่ต้องบอกว่าเขาพัฒนาแบบไปเรื่อยๆแบบไม่หยุดยั้งเลยจริงๆ จากครั้งแรกที่ได้ดูหนังของเขาอย่าง Romeo and Juliet และ ไททานิค ซึ่งผลงานการแสดงนั้นยังมีเสน่ห์นด้านความหล่อแต่ฝีมือนั้นยังไม่เข้าขั้นสุดยอดอย่างทุกวันนี้ แล้วก็ไม่คาดคิดว่าฝีมือของเขาจะกลายเป็นสุดยอดนักแสดงที่มีความสามารถสูงของฮอลลีวูดอย่างที่เรารู้กันอยู่ในปัจจุบันโดยที่เขาสามารถคว้ารางวัลออสการ์ไปได้ 1 รางวัลจากหนังเรื่อง The revenant ซึ่งต้องบอกเลยว่าสมเหตุสมผลแล้วกับรางวัลที่ได้รับ และสำหรับหนังเรื่องนี้ Catch Me If You Can ก็ต้องบอกว่าความสนุกและความหม่นหมองของหนังนั้นเอาไปเลย 10/10 คุณจะได้ทั้งความสนุก ที่มันแสนจะขมขื่นและสงสารในตัวของ แฟร้ง อาบาเนล จูเนียร์ ทำให้เราได้มองสะท้อนชีวิตของเราเองหากว่าใครที่มีลักษณะของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ แบบนี้ก็ต้องบอกว่าคุณจะอินกับหนังได้อย่างลึกเข้าไปสุดขั้วหัวใจเป็นที่สุด ซึ่งเราก็จะได้ลุ้นเอาใจช่วยในความเก่ง ความน่าสงสาร และ ยินดีกับสิ่งที่เขาได้รับในบทสรุปของชีวิต
เนื้อเรื่องของหนัง Catch Me If You Can
Catch Me If You Can เป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงโดยเป็นเรื่องราวของนักต้มตุ๋น ปลอมแปลงเช็ค โดยที่เขาเป็นทั้งทนายความ นักบิน หมอ และ อาจารย์ ด้วยวัยเพียง 16 ปี เมื่อวันที่บ้านขาดความอบอุ่น แฟร้งค์ อาบาเนล จูเนียร์ ได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน โดยการดำรงค์ชีวิตด้วยการปลอมตัวเป็นทั้งหมอ ทั้งอาจารย์ ทนาย อย่างที่กล่าวไป และทำการปลอมแปลงเช็คซึ่งกว่าที่ทางการจะรู้เขาก็โกงเงินไปกว่า 4 ล้าน เหรียญยูเอส แล้ว
ข้อคิดที่ได้จากหนัง Catch Me If You Can
ไปให้ถึงดวงจันทร์ คำที่พ่อของแฟร้งค์ ได้กล่าวเอาไว้ในหนัง Catch Me If You Can หากเราจะสะท้อนมันออกมาและใช้ไปในทางที่ถูกที่ควร ก็นับได้ว่าเป็นคำที่มีพลังเป็นอย่างมาก แต่หากใช้ไปในทางที่ผิดก็จะส่งผลร้ายแรงกลับมาอย่างแน่นอน