Lost Bullet 2 มีชื่อไทยว่า แรงทะลุกระสุน ภาค 2 เป็นภาพยนตร์จากฝรั่งเศสของทาง Netflix ที่พึ่งเข้าฉายไปเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ฉากที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องจะเป็นฉากซิ่งรถสุดมันขับไล่ล่ากันไปตามทางตลอดทั้งเรื่อง ที่สำคัญยังได้ Alban Lenoir มาเป็นนักแสดงนำ และยังเป็นนักแสดงสตันท์ตัวจริงอีกด้วย เพราะเขารับบทเป็นสตันท์ให้กับภาพยนตร์แอ็กชั่นดังๆ มาหลายเรื่อง สำหรับในแรงทะลุกระสุน 2 เขายังเป็นทั้งนักแสดงนำ สตัน และเป็นคนแก้ไขบทให้เหมาะกับคิวบู๊ที่แสดงในเรื่อง ทำให้ภาพยนตร์ออกมาดูดีและคนดูได้ลุ้นกันตลอดแบบนั่งกันไม่ติดเลยทีเดียว สำหรับผู้กำกับและเขียนบทตัวจริงจะเป็น Guillaume Pierret ที่กำกับมาตั้งแต่ในภาคแรก และดูเหมือนว่าอาจจะมีภาคต่อไปตามมาในเร็วๆ นี้ ใครชอบหนังบู๊ที่ไล่ล่ากันเหมือนขับรถแข่งเตรียมรอดูกันต่อได้เลย
เนื้อเรื่องย่อ Lost Bullet 2
![](https://donunghub.com/wp-content/uploads/2022/11/บอร์ดงาน-PBN2-2.jpg)
เนื้อเรื่องในภาคสองจะต่อจากภาคที่แล้ว หากคุณไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนอาจมีงงเล็กน้อย แต่พอดูไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถปะติดประต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก โดยเรื่องจะเริ่มจากที่ Lino (รับบทโดย Alban Lenoir) ต้องสูญเสียคนสำคัญในชีวิตอย่าง Charas (รับบทโดย Ramsy Bedia) นายตำรวจผู้มีพระคุณ และน้องชาย Quentin (รับบทโดย Rod Paradot) ทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับเพลิงความแค้นที่รอวันครุกรุ่น โดยเขาตั้งใจจะทำการแก้แค้น Areski (รับบทโดย Nicolas Duvauchelle) และ Marco (รับบทโดย Sébastien Lalanne) สองตำรวจมาเฟียตัวร้ายให้จงได้ และแล้ววันหนึ่งเขาก็ได้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ โดยการจับตัว Marco ไว้ได้ แต่สุดท้ายเหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด โดยมาทราบในภายหลังว่า Marco หนีไปได้ แต่ดันเป็นเรื่องที่ทุกคนหลอกเขามาโดยตลอด เพราะต้องการจะกันตัว Marco ไว้เป็นพยานในฐานทัพลับของหน่วยงานปราบปราบยาเสพติด ก่อนที่ Marco จะพยายามจะหลบหนี ทำให้ Lino ต้องขับรถไล่ล่า
![](https://donunghub.com/wp-content/uploads/2022/11/บอร์ดงาน-PBN1-2.jpg)
จริงๆ แล้วเนื้อเรื่องในภาคนี้ไม่มีอะไรมาก หรือก็คือไม่ได้ยืดต่อเติมไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่ เพราะเน้นที่ฉากแต่งรถ ฉากต่อสู้ คิวบู๊ และการขับรถไล่ล่ากันมากกว่า ตั้งแต่ต้นจนจบจึงแค่การจับตัว Marco แล้ว Marco หนีไปได้ต้องไล่จับกันอีกครั้ง จนพระเอกของเราและอีกหลายคนต้องได้รับบาดเจ็บ แต่ยังคงบากบั่นต่อไป ออกแนวจะเก่งเกินมนุษย์ไปเลยทีเดียว หนังมีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ใครที่ชื่นชอบหนังแนวรถแข่งกันอยู่แล้ว เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่การแข่งรถโดยตรง แต่ก็มันไม่แพ้กัน แถมยังมีบทแอคชั่นให้เราได้ชมกันอีกด้วย ซึ่งตอนนี้หาดูกันได้แล้วทาง Netflix
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days