Narvik (นาร์วิค) เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์สร้างจากเรื่องจริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีฮิตเลอร์เป็นผู้นำ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองนาร์วิคประเทศนอร์เวย์ ในช่วงเดือนเมษายน ถึงเดือน มิถุนายน ในปี พ.ศ. 2483 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ Erik Skjoldbjaerg มาเป็นผู้กำกับการแสดง และมี Nordisk Film เป็นผู้อำนวยการสร้าง หนังเข้าฉายมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว และต้องบอกว่าหลังจากออกฉายทาง Netflix ไม่กี่วันก็มาแรงจนติดท๊อปอันดับ 1 ในเวลาไม่นาน ใครชอบหนังสงครามแนวสอดแทรกประวัติศาสตร์และสร้างมาจากเรื่องนี้จะค่อนข้างเหมาะมากสำหรับคุณ
เค้าโครงเรื่อง Narvik

ในปี 1940 เป็นช่วงที่เกือบทั่วโลกเกิดการรบราฆ่าฟันและปล้นสะดม เนื่องจากเป็นช่วงข้าวยากหมากแพง เพราะเป็นเวลาที่เยอรมันนำโดยฮิตเลอร์กำลังเข้าประหัตประหารนานาประเทศ เพื่อครองความเป็นใหญ่จนเรื่องราวปานปลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ในที่สุด โดยสงครามทุกครั้ง ต้องมีเรื่องราวความโหดร้ายแฝงอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้ปัจจุบันหลายฝ่ายพยายามตกลงประนีประนอมกัน เพื่อไม่ให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตจนกายเป็นสงครามครั้งที่ 3 ไปในที่สุด สำหรับเมืองนาร์วิคจะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งทางนอร์เวย์ได้ส่งกำลังทหารมาเพื่อพิทักษ์เมืองนาร์วิคแต่ไม่ทัน เมืองจึงถูกยึดครองด้วยทหารเยอรมันได้ในที่สุด ผู้คนที่อยู่ภายในเมืองถูกสั่งห้ามออกจากเมืองอย่างเด็ดขาด ทหารของนอร์เวย์ที่อยู่ภายในเมืองจึงแสร้งทำเป็นกองทัพ และวางแผนที่จะระเบิดสะพานเพื่อไม่ให้มีการค้นแร่เหล็กเข้ามาในเมือง ซึ่งทหารเยอรมันที่มายึดเมืองนี้ก็เพราะต้องการแร่เหล็กเพื่อนำไปทำชุดเกาะ

กึนนาร์ สิบโททอฟเตอ (รับบทโดย Carl Martin Eggesbø) เขาเป็นทหารของนอร์เวย์และอยู่บนรถไฟเพื่อทำภารกิจบางอย่าง และยังเป็นทหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ Omberg (รับบทโดย Henrik Mestad) โดยกึนนาร์เป็นทหารที่เชียวชาญการใช้ระเบิดเป็นอย่างมาก และก็เป็นคนหนึ่งที่เคยทำงานบนรถไฟสายโอโฟเทน ภารกิจในครั้งจึงต้องตกเป็นอย่างเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อินกริด ทอฟเตอ (รับบทโดย Kristine Hartgen) ภรรยาของกึนนาร์ทั้งคู่มีลูกชายวัย 6 ขวบ ซึ่งอินกริดเป็นคนที่มีความสามารถด้านภาษา รวมไปถึงภาษาเยอรมัน เธอจึงถูกเรียกตัวให้เป็นไปล่ามให้กับฝั่งเยอรมัน และเธอยังได้ให้ความช่วยเหลือบุคคลสำคัญอีกหลายคนในสงครามครั้งนี้อีกด้วย

ภาพยนตร์จะดำเนินเรื่องโดยผ่านนักแสดงหลักอย่างกึนนาร์และอิงกริด เพราะทั้งคู่ในระหว่างสงครามจะอยู่กันคนละสถานที่ เนื่องจากมีความรับผิดชอบแตกต่างกัน เราจึงได้เห็นมุมมองในระหว่างนั้นของทั้งคู่ ซึ่งบอกได้เลยว่าทุกเรื่องน่าติดตาม ใครชอบภาพยนตร์แนวนี้ต้องห้ามพลาดใน Netflix หากลองเข้ามาดูสักรอบแล้วคุณจะรู้สึกชื่นชอบอย่างแน่นอน
อัพเดทข่าวสาร สาระดีๆ เพิ่มเติมที่ The7days